Big C | Retail

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล – แอปบิ๊กซี พลัส

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัทลูก และบริษัทในเครือของบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ห้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงถือปฏิบัติว่าบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการ เพียงเฉพาะสำหรับกิจการวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้และแบบการให้ความยินยอมข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการได้ให้ไว้แก่บริษัทเท่านั้น

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้อธิบายถึงประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการ บุคคลที่บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการ สิทธิของลูกค้าและ/หรือผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขและข้อกำหนดในการใช้บริการต่างๆของบริษัท กรุณาอ่านและศึกษานโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”)ฉบับนี้เพื่อทำความเข้าใจนโยบายและแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการจัดการและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และ/หรือผู้ใช้บริการ (“ผู้ใช้บริการ”)

นโยบายฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับข้อมูลใดๆที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการซึ่งทำให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ที่ผู้ใช้บริการได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อผู้ใช้บริการสมัครเข้าใช้บริการใดของบริษัทหรือซื้อสินค้าจากบริษัท หรือเมื่อผู้ใช้บริการได้รับการบริการใดจากบริษัท หรือที่ผู้ใช้บริการได้ให้ไว้แก่บริษัท หรือที่ผู้ใช้บริการได้อนุญาตให้บริษัทได้เข้าถึง โดยรวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้ด้วย:

(ก) ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ วัน เดือน ปีเกิด เพศ อีเมลล์ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน และข้อมูลอื่นๆที่ผู้ใช้บริการต้องให้แก่บริษัทเมื่อมีการลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้บริการใดบริการหนึ่งของบริษัท

(ข) ข้อมูลอื่นใดที่สามารถใช้ระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้

(ค) ข้อมูลเกี่ยวกับ การใช้จ่าย พฤติกรรมการบริโภค ตำแหน่งที่มีการใช้งานบริการของบริษัท และ/หรือความสนใจของผู้ใช้บริการเมื่อประกอบกับข้อมูลอื่นอันทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้

(ง) บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้บริการโดยตรง และ/หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป ในกรณีที่ผู้ใช้บริการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทไม่ว่าข้อมูลใด เช่น การให้ชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลสำหรับติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ผู้ใช้บริการรับรองว่าผู้ใช้บริการได้แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบเกี่ยวกับการเปิดเผย และการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัทแล้ว และบุคคลดังกล่าวได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใช้บริการเพื่อการเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามนโยบายฉบับนี้แล้ว

(จ) บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ และ/หรือความชอบของผู้ใช้บริการ ข้อมูลวิจัยทางการตลาดและความเห็นของผู้บริโภคที่ผู้ใช้บริการได้เปิดเผยแก่บริษัทโดยสมัครใจเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการของบริษัท และ/หรือข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซด์ต่างๆ ของผู้ใช้บริการด้วยการใช้คุกกี้ในเว็บไซด์ และ/หรือแอปพลิเคชันของบริษัท โดยคุกกี้ที่อยู่ในเว็บไซด์ และ/หรือแอปพลิเคชันของบริษัทจะเก็บข้อมูลการเข้าใช้บัญชีและข้อมูลของผู้ใช้บริการไว้ และบริษัทจะสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการให้ได้มากที่สุด

ในกรณีที่มีการติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการกับบริษัท ในช่องทางต่างๆ ทั้งทางโทรศัพท์ อีเมล แอปพลิเคชันของบริษัท แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ศูนย์บริการลูกค้า (Call center) หรือการติดต่อด้วยช่องทางอื่นใด บริษัทอาจดำเนินการบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อใช้เป็นหลักฐานการติดต่อสื่อสาร เพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการ เพื่อติดตามความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เพื่ออบรมบุคลากร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการต่างๆของบริษัท

ในฐานะบิดามารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย กรุณาระมัดระวังอย่าอนุญาตให้ผู้เยาว์ภายใต้การดูแลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์นั้นแก่บริษัทโดยปราศจากการดูแลควบคุม ในกรณีที่ผู้เยาว์นั้นภายใต้การดูแลได้ให้ข้อมูลแก่บริษัท บริษัทถือว่าบิดามารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมายของผู้เยาว์นั้นได้ยินยอมให้บริษัทเก็บรวมรวบ ใช้ ประมวลผล เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์แล้ว รวมทั้งบิดามารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมายของผู้เยาว์นั้นตกลงรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้เยาว์

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้

(ก) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม หรือ เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้บริการ

(ข) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(ค) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้บริการเป็นคู่สัญญากับบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้บริการก่อนเข้าทำสัญญานั้นกับบริษัท

(ง) เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

(จ) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

(ฉ) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและ/หรือนโยบายต่างๆของบริษัท

(ช) เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท

(ซ) เพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้บริการ

(ฌ) เพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบข้อมูลกับบุคคลภายนอกสำหรับรับรองความถูกต้องของข้อมูล

(ญ) เพื่อการดำเนินการหรือสนับสนุนการขายสินค้า และ/หรือการให้บริการต่างๆแก่ผู้ใช้บริการ

(ฎ) เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบหรือประสิทธิภาพในการขายสินค้า และ/หรือการให้บริการต่างๆแก่ผู้ใช้บริการของบริษัท

(ฏ) เพื่อการวิจัย ติดตาม ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้บริการในการปรับปรุง และแก้ไขสินค้า ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ หรือการพัฒนา และนำเสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการใหม่ ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้บริการของบริษัท หรือเพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการขาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้า ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ไม่ว่าจะนำเสนอโดยบริษัท หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท

(ฐ) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้า และ/หรือการรับบริการของผู้ใช้บริการของบริษัท

(ฒ) เพื่อการติดต่อ แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการหรือติดต่อเพื่อการวิจัยตลาดผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ รวมถึง ทางโทรศัพท์มือถือ อีเมล์ ที่อยู่ รวมถึงช่องทางอื่นๆ ตามข้อมูลที่ได้ให้ไว้กับบริษัท และ

(ณ) เพื่อการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า และ/หรือการให้บริการต่างๆของบริษัท

(ด) เพื่อการอื่นใดตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ใช้บริการได้ให้ไว้แก่บริษัทตามที่ระบุไว้ในแบบการให้ความยินยอมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้

  1. 4.1 กลุ่มบริษัทในเครือของบริษัท หรือกลุ่มบริษัทที่บริษัทร่วมลงทุน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บริษัทในเครือเดียวกันกับบริษัท หรือให้แก่กลุ่มบริษัทที่บริษัทร่วมลงทุน (ทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ) รวมทั้งบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลจะใช้ ประมวลผลและเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้บริการเฉพาะเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ และเปิดเผยให้เฉพาะบุคคลที่ระบุไว้ในนโยบายนี้เท่านั้น
  2. 4.2 ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท โดยผู้ให้บริการดังกล่าวจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการได้เท่าที่บริษัทอนุญาต และต้องสอดคล้องกับนโยบายนี้ และเป็นการเปิดเผยข้อมูลเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยมีรายละเอียดตัวอย่างผู้ให้บริการ ดังนี้
    • ที่ปรึกษาต่างๆ เช่น ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
    • ผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูล
    • ผู้ให้บริการทางการตลาด การทำวิจัย การจัดทำข้อมูลและสถิติ
    • ผู้ให้บริการงานโฆษณา งานประชาสัมพันธ์ และการติดต่อสื่อสาร
    • ผู้ให้บริการ Application
    • ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบและเครือข่ายการชำระเงิน และการให้บริการการชำระเงิน
    • สถาบันการเงิน และ บุคคลภายนอกอื่นที่บริษัทใช้บริการในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ
    • ผู้ให้บริการตรวจสอบข้อมูล
  3. 4.3 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลอื่นที่มีข้อตกลงกับบริษัท เช่น สถาบันการเงินต่างๆ บริษัทประกันภัย เป็นต้น
  4. 4.4 บุคคลอื่นใดที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คำสั่งของหน่วยงานราชการ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล หรือคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ บริษัทจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
  5. 4.5 ผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือหน้าที่จากบริษัท ในกรณีที่บริษัทประสงค์จะโอนสิทธิ และหน้าที่ของบริษัท รวมถึงการโอนกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด การควบรวมกิจการ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท บริษัทจำเป็นจะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่ผู้ที่จะรับโอน โดยสิทธิและหน้าที่ของผู้รับโอนในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจะเป็นไปตามนโยบายฉบับนี้ด้วย

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลภายในประเทศไทย หรือเป็นการเปิดเผยข้อมูลไปยังต่างประเทศก็ได้ โดยผู้ใช้บริการยินยอมให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศได้ แม้ประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอหรือน้อยกว่าประเทศไทย

ในฐานะที่ผู้ใช้บริการเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการมีสิทธิดังนี้

  1. 5.1 การให้ความยินยอม
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดของผู้ใช้บริการแก่บริษัท รวมทั้งยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการดังกล่าวหรือไม่ก็ได้ แต่ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการให้ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่บริษัทร้องขอ หรือไม่ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถจัดหาสินค้าและ/หรือบริการต่างๆ ของบริษัทแก่ผู้ใช้บริการหรืออาจทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์จากการเป็นผู้ใช้บริการได้
  2. 5.2 การเข้าถึงข้อมูล
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ได้ให้บริษัทเก็บรวบรวมไว้ และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือขอให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ตนหรือให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ (หากข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถดำเนินการส่งข้อมูลได้) รวมทั้ง ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ให้ความยินยอมในการจัดเก็บ
  3. 5.3 การคัดค้าน
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทสามารถเก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้บริการ (เว้นแต่เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย) หรือเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อการศึกษาวิจัย
  4. 5.4 การลบ ทำลาย หรือระงับการใช้
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือเมื่อผู้ใช้บริการถอนความยินยอมและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเมื่อผู้ใช้บริการเจ้าของข้อมูลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ หรือเมื่อบริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  5. 5.5 การแก้ไข
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการแก้ไขให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้ให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
  6. 5.6 การถอนความยินยอม
    ผู้ใช้บริการมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้ได้ (เว้นแต่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย) ทั้งนี้ การถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้า และการถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้บริษัทไม่สามารถจัดหาสินค้าและ/หรือบริการต่างๆ ของบริษัทแก่ผู้ใช้บริการหรืออาจทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์จากการเป็นผู้ใช้บริการได้
  7. 5.7 การใช้สิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ เป็นสิทธิที่มีข้อจำกัด โดยบริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิของผู้ใช้บริการได้หากบริษัทมีเหตุแห่งการปฏิเสธโดยชอบด้วยกฎหมาย
  8. 5.8 การใช้สิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ ผู้ใช้บริการต้องดำเนินการตามวิธีการและแนบเอกสารหลักฐานตามที่บริษัทกำหนด โดยติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บิ๊กซี Call Center 1756 หรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรถึง บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ชั้น 7 อาคารบิ๊กซีราชดำริ 97/11 ถนน ราชดำริ แขวงลุมพินี เขต ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 ประเทศไทย หรือ จุดบริการลูกค้าของบริษัททุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนและเอกสารหลักฐานอื่นๆตามที่บริษัทกำหนด

ผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสารจากบริษัทได้ที่ศูนย์บริการ Call Center 1756 หรือผ่านระบบ online บนเว็บไซต์ของบริษัท

บริษัทจะเก็บรวบรวมรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้เป็นระยะเวลาตราบเท่าที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นระยะเวลาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ หรือตราบเท่าที่ผู้ใช้บริการยังมีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นลูกค้า และ/หรือผู้ใช้บริการของบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทอาจยังคงจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการต่อไปภายหลังจากที่ผู้ใช้บริการยุติการเป็นลูกค้า และ/หรือผู้ใช้บริการแล้ว หากบริษัทเห็นว่าบริษัทยังมีความจำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการเพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว หรือเพื่อความจำเป็นอื่นใดตามที่บริษัทเห็นสมควร

บริษัทมุ่งมั่นที่จะจัดหาทางเลือกต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทมีการเก็บรวบรวม บริษัทจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ บริษัทจะดูแลปกป้องการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการ โดยกำหนดผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลอย่างเหมาะสม และสามารถระบุตัวตนผู้เข้าถึงข้อมูลได้ รวมถึงมีระบบการรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงจากผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง

บริษัทมีสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเปลี่ยนแปลงจะปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของบริษัท

ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการ หรือซื้อสินค้า หรือติดต่อกับบริษัท หรือมีความสัมพันธ์ใดๆกับบริษัทในฐานะลูกค้า และ/หรือผู้ใช้บริการต่อไปภายหลังจากที่บริษัทได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ ให้ถือว่าผู้ใช้บริการรับทราบและตกลงตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงแล้วนั้น

หากผู้ใช้บริการมีความประสงค์จะติดต่อสอบถาม หรือใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ หรือร้องเรียน หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายนี้ กรุณาติดต่อผ่านบิ๊กซี Call Center โทร 1756